🐱 แมวท้องเสียทำไงดี? วิธีปฐมพยาบาลแมวท้องเสียที่เจ้าของต้องรู้
- Monthinee Jongjesdakul
- 4 days ago
- 1 min read

แมวท้องเสีย (Diarrhea) เป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่เจ้าของแมวเจอบ่อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแมวเด็กหรือแมวโต อาการท้องเสียอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่เรื่องอาหาร ไปจนถึงโรคติดเชื้อร้ายแรง
🔎 สาเหตุที่ทำให้แมวท้องเสีย
การเปลี่ยนอาหารกะทันหัน หรือการสลับอาหารแมวแบบทันที อาจทำให้ระบบย่อยอาหารปรับตัวไม่ทัน ส่งผลให้แมวท้องเสียได้
ให้แมวกินอาหารที่ไม่เหมาะสมหรืออาหารคน เสี่ยงท้องเสียได้เหมือนกัน เช่น การให้แมวกินนมวัว กินของมัน กินของทอด หรืออาหารคน เป็นต้น เพราะอาหารคนบางอย่างอาจทำให้น้องแมวเกิดปัญหาการย่อยอาหาร โลหิตจาง และการขาดวิตามินได้ มากไปกว่านั้น อาหารคนบางอย่างยังเป็นพิษต่อแมวซึ่งสามารถนำไปสู่อาการที่ร้ายแรงถึงชีวิตได้
มีพยาธิในลำไส้ ซึ่งมักจะเกิดในแมวที่เลี้ยงปล่อยหรือลูกแมวที่ยังไม่ได้ถ่ายพยาธิ
การติดเชื้อไวรัส เช่น โรคไข้หัดแมว (Panleukopenia)/แบคทีเรีย/โปรโตซัว เช่น เชื้อ Giardia เป็นต้น
การได้รับสารพิษผ่านการกิน เช่น ยาฆ่าแมลง หรือ สารพิษจากพืช เช่น ดอกลิลลี่ ดอกทิวลิป เป็นต้น
การกินสิ่งแปลกปลอม เช่น เชือก ของเล่นต่างๆ ถุงพลาสติก โดยไม่ได้ตั้งใจซึ่ง สิ่งของแปลกปลอมเหล่านี้อาจจะไปอุดตันในกระเพราะของน้องแมวจนทำให้เกิดอาการท้องเสียขึ้นได้
น้องแมวเครียด ซึ่งความเครียดจะทำให้ลำไส้มีการบีบตัวเพิ่มขึ้น อาหารที่ทานเข้าไปจะเดินทางผ่านลำไส้เร็วขึ้นจนส่งผลให้แมวเกิดอาการถ่ายเหลว หรือ ท้องเสีย มากไปกว่านั้น ความเครียดจะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียด (ฮอร์โมน Cortisol) ออกมา ซึ่งกดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และทำให้เยื่อบุทางเดินอาหารอักเสบได้ง่ายขึ้น ความเครียดของแมวอาจเกิดจากการเปลี่ยนที่อยู่หรือเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม เช่น ย้ายบ้าน มีสัตว์เลี้ยงใหม่
โรคเรื้อรังที่ยังไม่แสดงอาการ เช่น โรคตับในแมว โรคไตในแมว ตับอ่อนอักเสบ หรือ โรคลำไส้อักเสบแบบไม่ทราบสาเหตุ (IBD) ก็อาจส่งผลให้แมวท้องเสียได้เช่นกัน
🩺 วิธีดูแลแมวท้องเสียเบื้องต้น
ประเมินอาการ
ถ่ายเหลว 1-2 ครั้งต่อวัน แต่แมวยังร่าเริง กินน้ำ และอาหารได้ สามารถสังเกตุอาการต่ออีก 1-2 วัน หากแมวยังไม่หยุดถ่ายเหลว หรือมีอาการอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ซึมลง พฤติกรรมเปลี่ยน ไม่กินอาหารหรือน้ำ อาเจียน แนะนำให้พาไปพบสัตวแพทย์ทันที
อย่าให้ร่างกายน้องแมวขาดน้ำ
การถ่ายเหลวจะทำให้แมวขาดน้ำได้ โดยสังเกตได้จาก ความแห้งของเหงือก ซีด แห้ง ไม่เป็นสีชมพูเหมือนปกติ ตาจม เมื่อลองดึงผิวหนังของน้องแล้วตั้ง ผิวหนังไม่หดกลับ (ขาดความยืดหยุ่น) สามารถดูวิธีประเมินภาวะขาดน้ำได้จาก https://www.uvethospital.com/post/dog-cat-daily-water-intake-and-dehydration-signs
ควรป้อนน้ำเสริมให้กับน้อง โดยอาจจะป้อนโดยตรงด้วยไซริงค์ หรือ ผสมน้ำใส่อาหารเปียกให้น้องทานก็ได้
นอกจากจะขาดน้ำแล้ว การที่แมวท้องเสียยังสามารถส่งผลให้สมดุลแร่ธาตุในร่างกายของน้องๆ ผิดปกติได้อีกด้วย โดยแร่ธาตุที่อาจจะขาดไปเช่น โพเเทสเซียม ซึ่งส่งผลให้การเต้นของหัวใจช้าลง กล้ามเนื้ออ่อนเเรงลง เป็นต้น ดังนั้นสามารถให้เกลือเเร่ผสมน้ำ กับน้องๆ ได้เพื่อป้องกันการขาดเเร่ธาตุ โดยเเนะนำให้เป็นเกลือแร่ของสัตว์เลี้ยงเเต่ถ้าไม่มีสามารถใช้เกลือแร่สำหรับคนได้
สามารถให้กินโพรไบโอติก (Probiotic) ได้
โพรไบโอติกหรือจุลินทรีย์ที่ดี จะช่วยปรับสมดุลของลำไส้ให้สมดุลมากขึ้น อาจช่วยลดความรุนแรงหรือการถ่ายเหลวได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้ทางเดินอาหารของน้องเเข็งแรง ป้องกันการที่แมวท้องเสียจากการติดเชื้อแบคทีเรียได้อีกด้วย
ควรเลือกยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ และผลิตออกมาเพื่อสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ เนื่องจากเป็นเเบคทีเรียชนิดที่อยู่ในทางเดินอาหารของสุนัขเเละเเมวจริงๆ
วิธีลดความเสี่ยงของการเกิดอาการท้องเสียในน้องแมว
แม้ว่าจะไม่สามารถป้องกันการท้องเสียในแมวได้ทั้งหมดแต่ผู้ปกครองสามารถลดความเสี่ยงการท้องเสียในแมวได้โดย
เนื่องจากการเปลี่ยนอาหารที่เร็วเกินไปจะทำให้สมดุลจุลชีพในการย่อยอาหารของแมวนั้นเสียไป ส่งผลให้แมวท้องเสีย การเปลี่ยนอาหารแมวจึงควรใช้เวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์เพื่อให้แมวนั้นมีการปรับตัวกับอาหารใหม่ ซึ่งทางคุณพ่อคุณแม่ทุกคนสามารถทำได้ตามตารางข้างล่างนี้
วัน | อาหารเดิม | อาหารใหม่ |
1-2 | 75% | 25% |
3-4 | 50% | 50% |
5-6 | 25% | 70% |
7 | 0% | 100% |
หมั่นคอยดูแลและเก็บของที่ไม่ใช่อาหารให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันไม่ให้แมวเผลอไปเลียหรือกินสิ่งแปลกปลอมเข้าไปเพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อซึ่งส่งผลให้แมวท้องเสียได้ นอกจากนี้การกินสิ่งแปลกปลอมอาจจะทำให้เกิดอาการลำไส้อุดตันในแมวอีกด้วย
หากมีการเปลี่ยนที่อยู่ หรือ เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม ควรมี “พื้นที่ปลอดภัย” ให้น้องแมวได้หลบซ่อนตัวเช่น บ้านแมวเล็กๆ กล่อง เป็นต้น เมื่อแมวพร้อม และปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมใหม่ได้ น้องแมวจะเริ่มสำรวจ และทานอาหารด้วยตัวเอง
ทำวัคซีนน้องแมวให้ครบตามโปรแกรมวัคซีนที่ทางสัตวแพทย์แนะนำ และกระตุ้นต่อเนื่องในทุกๆ ปี เพื่อป้องกันจากการติดเชื้อ เช่น โรคไข้หัดแมว ที่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้น้องแมวท้องเสียได้
พาน้องแมวไปถ่ายพยาธิเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะเลี้ยงแมวในบ้านและให้ทานอาหารเม็ดแต่ก็ยังมีโอกาสได้รับไข่พยาธิจากสิ่งแวดล้อมภายนอกโดยไม่รู้ตัว เช่น ปนเปื้อนจากดินที่ติดรองเท้าเข้ามาในบ้าน เป็นต้น โดยคุณพ่อคุณแม่ควรพาน้องแมวไปถ่ายพยาธิทุกๆ 3-6 เดือน
ควรเลือกอาหารที่เหมาะสมกับแมวเท่านั้น เพราะเนื่องจากน้องแมวต้องการโปรตีนมากกว่าคนถึง 4 เท่า การให้อาหารที่เหมาะสมแก่น้องแมวนอกจากจะลดความเสี่ยงของการท้องเสียแล้วยังจะทำให้น้องแมวมีสุขภาพที่แข็งแรงและป้องกันการเกิดโรคอื่นๆในแมวด้วย
หมั่นตรวจสุขภาพน้องแมวอย่างเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อประเมินสุขภาพของแมว และยังสามารถตรวจจับโรคภัยที่ซ่อนเร้นได้อยู่ตั้งแต่เนิ่นๆ หากตรวจเจอเร็วทางคุณหมอก็จะสามารถทำการดูแลเพื่อป้องกันไม่ให้โรคภัยลุกลามได้เร็วกว่าการที่มาทราบอาการในภายหลังจากที่อาการทรุดหนักแล้ว
🚨 เมื่อไหร่ต้องพาแมวไปหาสัตวแพทย์?
ลูกแมวอายุน้อยกว่า 6 เดือน ท้องเสียควรพามาพบสัตวแพทย์เลย แม้ว่าจะเเค่ 1 ครั้งก็ตาม เนื่องจากลูกแมวหากขาดน้ำ จะทำให้มีโอกาสการเสียชีวิตที่สูงมากๆ
ท้องเสียเกิน 24 - 48 ชั่วโมง และยังคงไม่ดีขึ้น หากยิ่งรอร่างกายของน้องๆ จะยิ่งขาดน้ำมากขึ้น หรือมีอาการเเย่ลงได้
มีอาการซึม อาเจียน ไม่กินอาหารเเละน้ำ นำไปสู่การขาดน้ำอย่างรุนแรง ส่งผลให้น้ำหนักลด ทำให้ความรุนแรงของโรคเพิ่มมากขึ้น
มีโรคประจำตัว (เช่น โรคไต เบาหวาน) สาเหตุของการถ่ายเหลวอาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับโรคประจำตัวก็ได้ เเต่เนื่องจากมีโรคประจำตัวเป็นทุนเดิมอยู่เเล้ว อาจจะทำให้น้องๆ อาการทรุดหนักลงอย่างรวดเร็วได้
สงสัยว่าท้องเสียจากการกินสิ่งแปลกปลอม หรือ กินสารพิษเข้าไป
Comments