หน้าฝนมาแล้ว! เช็คลิสต์ดูแลน้อง Exotic ยังไงไม่ให้ป่วย?
- Monthinee Jongjesdakul
- 13 minutes ago
- 1 min read

สัตว์ Exotic ไวต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าที่คิด!
ช่วงหน้าฝนในประเทศไทยมักมาพร้อมอากาศที่ ชื้นจัด ร้อนแฉะ แสงแดดน้อย และอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ซึ่งล้วนเป็นสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมสำหรับสัตว์เลี้ยงพิเศษ (Exotic pets) ที่มีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศมากกว่าสุนัขหรือแมว
สัตว์ Exotic เช่น เต่า กิ้งก่า งู กระต่าย เฟอเร็ต หรือแม้แต่นกแก้ว ล้วนมีความต้องการสิ่งแวดล้อมเฉพาะตัว เช่น ต้องการอุณหภูมิคงที่ ความชื้นที่เหมาะสม หรือแสง UVB ในการดำรงชีวิต เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน หากไม่มีการจัดการสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม ก็อาจเกิดโรคตามมาได้ง่าย
ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในสัตว์ Exotic ช่วงหน้าฝน🚨
🦠 โรคระบบทางเดินหายใจ ศัตรูเงียบในหน้าฝน
สัตว์เลื้อยคลาน เช่น งู เต่า หรือกิ้งก่า จะไวต่ออุณหภูมิที่ต่ำกว่าค่ากำหนด และเมื่อร่วมกับความชื้นในที่เลี้ยงที่ไม่เหมาะสม
งูอาจมีน้ำมูก หายใจมีเสียง หรืออ้าปากหายใจ
เต่าอาจจาม มีน้ำมูก ซึม กินอาหารลดลง
กิ้งก่าอาจหายใจลำบาก มีน้ำมูก หรือมีปอดอักเสบเรื้อรัง
🌫️ ความชื้นสูง = เชื้อรา + ผิวหนังอักเสบ
สัตว์ที่มีขนหนา เช่น กระต่าย และเฟอเร็ต เสี่ยงต่อการเป็น เชื้อราผิวหนัง หรือ ปัญหากลิ่นตัวจากเชื้อยีสต์ และแบคทีเรียที่เจริญในความชื้นสูง
สัตว์อาจมีอาการขนร่วง ผิวลอก คัน หรือมีกลิ่นตัวแรง
หากที่นอนหรือวัสดุรองพื้นอับชื้น จะทำให้เท้าชื้นเรื้อรังและเกิด “pododermatitis” (แผลกดทับเท้า)
🐢 แสงแดดลด = เสี่ยงขาด UVB และโรคกระดูก
ในฤดูฝน แสงแดดธรรมชาติลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะสัตว์ที่เลี้ยงในบ้านหรือในกรงที่ไม่มีหลอด UVB เสริม
เต่าและกิ้งก่า ต้องการ UVB เพื่อสังเคราะห์วิตามิน D3 → ช่วยดูดซึมแคลเซียม
ขาด UVB = เสี่ยงต่อ Metabolic Bone Disease (MBD) → กระดูกอ่อน กระดูกหักง่าย ตัวผิดรูป
🦜 พฤติกรรมเปลี่ยน กินน้อย เครียดง่าย
สัตว์หลายชนิดไวต่อ “ความเครียดจากสิ่งแวดล้อม” เช่น กลิ่นอับ เสียงฟ้าร้อง อากาศเปลี่ยน
นกแก้ว อาจแสดงออกด้วยการ “ถอนขน”
กระต่าย อาจหยุดกินอาหาร = rabbit gastrointestinal syndrome
สัตว์อาจซึม นอนมาก ขาดปฏิสัมพันธ์ และภูมิคุ้มกันตก
คำแนะนำสำหรับเจ้าของสัตว์ Exotic ช่วงหน้าฝน 🧡
✅ ควบคุมความชื้นในกรง (ความชื้นสัมพัทธ์) ให้เหมาะสม
เต่าและกิ้งก่าบางชนิดต้องการความชื้นเฉพาะช่วง แต่ไม่ใช่ความอับชื้นเรื้อรัง
ใช้ hygrometer ตรวจวัดความชื้นเสมอ
✅ ควบคุมอุณหภูมิไม่ให้เย็นเกินไป
ใช้แผ่นให้ความร้อน / ceramic heat emitter / หลอด UVB + UVA
อย่าลืมเว้นพื้นที่หลบ (cool zone) เพื่อให้สัตว์ปรับอุณหภูมิเอง
✅ ทำความสะอาดที่อยู่อาศัยสม่ำเสมอ
เปลี่ยนวัสดุปูพื้น เช่น แผ่นรองกรง เศษกระดาษ หรือไม้สนที่ดูดซับความชื้น
หลีกเลี่ยงการปล่อยให้ที่นอนอับหรือมีเชื้อรา
✅ ดูแลเรื่องแสง UVB อย่างต่อเนื่อง
หลอด UVB ต้องเปลี่ยนตามอายุการใช้งาน (โดยทั่วไป 6 เดือน – 1 ปี)
วางหลอดให้สัตว์ได้รับแสงตรงอย่างเหมาะสม (ไม่ผ่านกระจก)
✅ หมั่นสังเกตอาการผิดปกติ
เช่น หายใจเสียงดัง ซึม ขนร่วงเป็นหย่อม อาเจียน ถ่ายเหลว หรือไม่กินอาหาร
หากมีอาการเหล่านี้ควรพามาพบสัตวแพทย์ใกล้บ้าน
Comments